Property Bangkok

การเจริญเติบโตอสังหาริมทรัพย์ในไทย
เข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทำให้หลายภาคธุรกิจตื่นตัวกับขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่โตและเชื่อมถึงกันใน 10 ประเทศ
หนึ่งในธุรกิจที่มีความคึกคักที่สุดไม่พ้นวงการอสังหาริมทรัพย์ เพราะการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศย่อมต้องการที่อยู่อาศัย รวมถึงมีข้อเปรียบเทียบการลงทุนของแต่ละประเทศมากขึ้น
ในการนี้ “นายโสภณ พรโชคชัย” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ จำกัด หรือแอเรีย ผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจ”ตลาดอสังหาริมทรัพย์อาเซียน”ในเมืองใหญ่ต่างๆ อาทิ จาการ์ตา พนมเปญ โฮจิมินห์ และมะนิลา รวมถึงไทย
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ในปี 2559 ในส่วนของโครงการที่อาศัยกรุงเทพฯ จะเติบโตทั้งด้านจำนวนยูนิตและมูลค่าอีก 10% หลังจากในปี 2558 พบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ที่ 107,821 ยูนิต โดยลดลง 6% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 10% เป็นผลมาจากสภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ในทางกลับกันพบว่าภาพรวมในเชิงมูลค่าการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้นถึง 21%
“ส่วนแนวโน้มในปี 2559 หากเชื่อตามที่รัฐบาลได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 3.5% ก็คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยในปีหน้าจะเติบโตได้ 10% ทั้งในแง่จำนวนยูนิตและมูลค่าเช่นกัน โดยที่แนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ยทั่วประเทศจะมีการปรับขึ้นอีก 20-25% หลังจากกรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ปี 2559-2562”
นายโสภณกล่าวอีกว่า ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่ม เออีซี 3 เมืองแรกที่น่าลงทุนมากที่สุด คือเมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย รองลงมาเป็นเมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
ส่วนเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ยังถือว่าน่าลงทุนแต่น้อยกว่ากัมพูชา เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามปรับขึ้นไปค่อนข้างสูงมาระยะหนึ่งแล้ว
“ความน่าลงทุนของเมืองจาการ์ตา ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างของประชากรในประเทศอินโดนีเซียเป็นเมืองที่มีการจราจรคับคั่งมากที่สุดในอาเซียน ส่งผลให้ประชาชนต้องการที่อยู่อาศัยในเมือง โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนรัฐบาล และผลักดันนโยบายการลงทุนต่างๆ ออกมา ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศค่อนข้างดี”
ในด้านราคาเฉลี่ยที่อยู่อาศัยในปี 2558 เปรียบเทียบใน 5 เมือง 5 ประเทศเริ่มจาก กรุงเทพฯ ของไทย ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ 3.37 ล้านบาท พนมเปญ ประเทศกัมพูชา 4.7 ล้านบาท โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม 3.9 ล้านบาท มะนิลา ฟิลิปปินส์ 2.85 ล้านบาท และจาการ์ตา อินโดนีเซีย 2.67 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในปีนี้ในกรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.981 ล้านบาท พนมเปญ 6.63 ล้านบาท โฮจิมินห์ 2.83 ล้านบาท 2.4 ล้านบาท และจาการ์ตา 4.43 ล้านบาท
นายโสภณมองว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียน ที่ยังมีความน่าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ประกอบกับธนาคารโลก ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจลง
อย่างไรก็ดีจากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว พบว่าอัตราการขายทั้งโครงการเก่าและใหม่ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี โดยทั้งปีในส่วนของโครงการเก่ามีอัตราการขาย 72% ส่วนโครงการใหม่มีอัตราการขาย 52.8%
ขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจคือ 3% ต่อปี ขณะที่พนมเปญ มีอัตราการเพิ่มขึ้น 5.7% โฮจิมินห์ 3.9% มะนิลา 4.4% และจาการ์ตา เพิ่มขึ้น 3.2%
อัตราผลตอบแทนจากลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่า พบว่าจาการ์ตา ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 8.8% รองลงมาเป็นโฮจิมินห์ 7.1% ส่วนมะนิลา 6.2% ไทย 5% และพนมเปญ 3.2%
“ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในอาเซียน ยังอยู่ในช่วงเติบโต ทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก พร้อมแนะนำว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยควรหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน
ส่วนกลยุทธ์ในการเข้าไปลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยแนะนำให้ลงทุนร่วมกับนักลงทุนท้องถิ่น เนื่องจากมีความเข้าใจในวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศเป็นอย่างดี
ด้านนาง นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาการตลาด การขายและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าแนวโน้มการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ในปี 2559 ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจะมีการเปิดตัวใหม่ไม่น้อยกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และอีก 5 โครงการเป็นบ้านแนวราบทั้งในเมือง ราคา 35-80 ล้านบาท และรอบนอกเมือง ราคา 20-150 ล้านบาท
เทียบกับปี 2558 ที่มีโครงการเปิดตัวใหม่รวม 21 โครงการ รวม 2,500 ยูนิต มูลค่ารวมเกินกว่า 20,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นคอนโดมิเนียม 9 โครงการ หรือราว 1,800 ยูนิต ซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราการขายเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 53% แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 57% บ้านในเมือง 60% บ้านรอบนอกเมือง 43%
ราคาขายยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะราคาคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่คาดว่าราคาขายต่อตร.ม.จะเฉลี่ยอยู่ที่ 320,000 บาท/ตร.ม. สูงกว่า 1.5 เท่าของราคาคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ทั้งตลาดที่คาดว่าราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ตร.ม. 122,100 บาท
“ปัจจัยที่ทำให้ในปีหน้าตลาดที่อยู่อาศัยซูเปอร์ลักชัวรี่ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องมาจากต่างชาติเข้ามาซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้น เนื่องจากราคาขายของไทยยังถูกมาก เมื่อเทียบกับในฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน รวมถึงญี่ปุ่น
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีต่างชาติประเทศใหม่ๆ เช่น กัมพูชา เริ่มเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่เข้ามาซื้อบ้านในไทย ส่วนทำเลการเปิดตัวคอนโดมิเนียมนอกจากสุขุมวิท หลังสวน สาทร แล้ว จะเริ่มกระจายไปบริเวณถนนพระราม 9 ด้วยขณะที่บ้าน เริ่มกระจายไปบริเวณซอยศูนย์วิจัย และพระราม 9 ขณะที่บ้านรอบนอกเมือง จะอยู่ทำเลบางนา สุวรรณภูมิ ราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ เป็นต้น
ที่มา : http://daily.khaosod.co.th